มาดูกันว่า ระหว่าง iPhone 7 vs iPhone 7 Plus ใครจะเหนือกว่ากันต่างกันอย่างไร รุ่นไหนคุ้มกว่า

สิ้นสุดการรอคอย กับการเปิดตัวเรือธงรุ่นล่าสุดของ Apple ประจำปี 2016 อย่าง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แม้ในครั้งนี้จะไม่ได้ปรับดีไซน์ขนานใหญ่แต่ก็มีอะไรใหม่ๆ ให้ตื่นเต้นมากมายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกล้อง iSight แบบ Dual-Camera ที่ว่ากันว่าสามารถรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาทีได้, ชิปประมวลผล Apple A10 Fusion แบบ Quad-Core Processor ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 40% พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 10 ที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย 
อย่างไรก็ตามหลายคนที่กำลังรอคอยเรือธงรุ่นล่าสุดนี้อยู่อาจจะยังเห็นความแตกต่างระหว่าง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ไม่ชัด ว่ามีความแตกต่างในด้านใด และมีการอัปเกรดตรงไหนบ้าง เราจึงได้นำ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างกันแบบชัดเจนไปเลยครับ
ดีไซน์ และการออกแบบ
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีดีไซน์ที่ไม่แตกต่างกัน คือดูคล้ายกับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus มาก โดยมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากรุ่นก่อนคือเส้นเสาอากาศที่จัดวางใหม่ให้ชิบขอบด้านบนและด้านล่างตัวเครื่อง และไม่มีช่องเสียบหูฟังอีกต่อไป โดยจะติดตั้งลำโพงอีกตัวหนึ่งเข้ามาแทน ทั้ง 2 รุ่นถูกออกแบบมาให้สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งกันน้ำในระดับความลึก 1 เมตรได้เป็นเวลา 30 นาที และเปลี่ยนปุ่ม Home มาเป็นระบบสัมผัสที่ใช้เทคโนโลยี Force Touch ตัวปุ่มเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ทำให้ไม่มีช่องว่างให้น้ำหรือฝุ่นเข้า แต่ในส่วนนี้บางคนก็อาจจะชอบความรู้สึกในการกดปุ่มแบบเดิมๆ มากกว่า ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID ก็ยังคงฝังอยู่ใต้ปุ่ม Home เช่นเดิม
จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ Apple iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะมีให้เลือกด้วยกัน 5 เฉดสี คือสีทอง Gold, สีเงิน Silver, สีชมพู Rose Gold, สีดำด้าน Black และสีดำเงา Jet Black โดยสี Jet Black เป็นสีใหม่ที่จะมีในรุ่น 128 GB ขึ้นไปเท่านั้น
การแสดงผล
จากข้อมูลที่เปิดเผยในงานเปิดตัว iPhone 7 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ส่วน iPhone 7 Plus มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล และมีการปรับความสว่างของเทคโนโลยีแบบ Retina Display เพิ่มขึ้นอีก 25% ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการแสดงผลยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าทั้ง 2 รุ่นจะใช้เทคโนโลยีเดียวกัน ซึ่งจะทำให้มีควสามแตกต่างกันแค่ขนาดของหน้าจอเท่านั้น
กล้องและการถ่ายภาพ
สำหรับกล้อง iSight ของ iPhone 7 Plus นั้นจะเป็นกล้องแบบ Dual-Camera ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เลนส์ ได้แก่ เลนส์ Wide 28mm (F/1.8) และเลนส์ Telephoto 56mm (F/2.8) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทั้ง 2 เลนส์ สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า และซูมแบบ Digital ได้ 10 เท่า นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Machine Learning แยกฉากหลังออกจากฉากหน้า ทำให้สามารถถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว ภาพแบบนี้จะได้จากกล้องแบบ DSLR เท่านั้น
ส่วน iPhone 7 มาพร้อมกับกล้องแบบ Single-Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และมีคุณสมบัติในด้านอื่นๆ เหมือนกัน นั่นก็คือ รูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED (ไฟแฟลช 4 ดวง) สว่างกว่าเดิม 50%, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 (อัปเกรดจาก 5 ล้านพิกเซลบน iPhone 6S และ iPhone 6S Plus) และมีระบบกันสั่นแบบ OIS ทั้งบน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
สำหรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ทั้ง 2 รุ่นสามารถรองรับการถ่ายวิดีโอบนความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ได้ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
ฮาร์ดแวร์ภายใน
ทั้ง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมกับชิปเซ็ต 64-bit Apple A10 Fusion แบบ Quad-Core Processor และ M10 Motion Coprocessor ซึ่งประมวลผลได้เร็วกว่าชิปเซ็ต Apple A9 บน iPhone 6S และ iPhone 6S Plus ถึง 40%, เร็วกว่าชิปเซ็ต Apple A8 ถึง 2 เท่า ส่วนชิปประมวลผลกราฟิก เป็นแบบ Six-Core Processor เร็วกว่าบน Apple A9 ถึง 50% นอกจากนี้ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ยังรองรับเครือข่าย LTE มากถึง 25 ความถี่ พร้อมเทคโนโลยี LTE Advanced สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า iPhone 6 ถึง 3 เท่า สูงสุดที่ 450 Mbps ในส่วนของชิปประมวลผลจึงมีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน
ในด้านของระยะเวลาการใช้งาน ถึงแม้ภายในงานจะไม่ได้ระบุถึงขนาดความจุแบตเตอรี่บน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ก็มีการเผยรายละเอียดว่า แบตเตอรี่บน iPhone 7 สามารถใช้งานได้นานกว่าบน iPhone 6S ถึง 2 ชั่วโมง ส่วนแบตเตอรี่บน iPhone 7 Plus ใช้งานได้นานกว่าบน iPhone 6S Plus 1 ชั่วโมง
ระบบปฏิบัติการ
iPhone 7 ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด iOS 10 ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้วในงาน WWDC เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย iOS 10 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายเช่นหน้า Lockscreen และ Notifications แบบใหม่ที่รองรับ 3D Touch, Siri ที่ฉลาดขึ้นกว่าเดิม, Maps ที่มีความแม่นยำและทำสิ่งต่างๆ นอกเหนือจากการบอกตำแหน่งได้ เป็นต้น
เปรียบเทียบสเปกและคุณสมบัติต่าง ๆ ระหว่าง iPhone 7 vs iPhone 7 Plus
ราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
ราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ในสหรัฐอเมริกา เบื้องต้นเป็นดังนี้
  • iPhone 7 ขนาด 32 GB ราคา $649
  • iPhone 7 ขนาด 128 GB ราคา $749
  • iPhone 7 ขนาด 256 GB ราคา $849
  • iPhone 7 Plus ขนาด 32 GB ราคา $769
สำหรับราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ในไทย ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศราคาออกมาเช่นกัน แต่หากเปรียบเทียบกับราคา iPhone 6s ตอนเปิดตัวใหม่ๆ แล้ว ถือว่ามีราคาเท่ากันอยู่ที่ $649 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ราคา iPhone 7 ในไทยจะเริ่มต้นเท่าเดิมคือ 26,500 - 27,000 บาท
ส่วนราคา iPhone 7 Plus เมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus ตอนเปิดตัว ซึ่งอยู่ที่ $749 จะเห็นว่า iPhone 7 Plus มีราคาแพงขึ้น $20 โดยราคา iPhone 6S Plus ในไทยตอนเปิดตัวอยู่ที่ 30,500 บาท ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่าราคา iPhone 7 Plus ในไทยจะเริ่มต้นที่ 31,000 - 31,500 บาท ทั้งนี้อยู่ที่ความผันผวนของราคาค่าเงินในช่วงเวลาที่จะวางจำหน่ายด้วยเช่นกัน
สรุป
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั้นเหมือนกันมากทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและสเปคข้างใน จะแตกต่างกันก็เพียงขนาดของหน้าจอและกล้องถ่ายภาพ โดย iPhone 7 จะมีหน้าจอแสดงผลขนาด 4.7 นิ้ว และ iPhone 7 Plus จะมีขนาดหน้าจอที่ 5.5 นิ้ว ซึ่งความละเอียดก็ต่างกันด้วยเช่นกัน 
สำหรับกล้อง iSight ของ iPhone 7 Plus นั้นจะเป็นกล้องแบบ Dual-Camera ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เลนส์ ได้แก่ เลนส์ Wide 28mm (F/1.8) และเลนส์ Telephoto 56mm (F/2.8) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทั้ง 2 เลนส์ สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า และซูมแบบ Digital ได้ 10 เท่า นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Machine Learning แยกฉากหลังออกจากฉากหน้า ทำให้สามารถถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว ภาพแบบนี้จะได้จากกล้องแบบ DSLR เท่านั้น
ส่วน iPhone 7 มาพร้อมกับกล้องแบบ Single-Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และมีคุณสมบัติในด้านอื่นๆ เหมือนกัน นั่นก็คือ รูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED (ไฟแฟลช 4 ดวง) สว่างกว่าเดิม 50%, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 (อัปเกรดจาก 5 ล้านพิกเซลบน iPhone 6S และ iPhone 6S Plus) และมีระบบกันสั่นแบบ OIS ทั้งบน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
นอกจากเรื่องขนาดหน้าจอและกล้อง iSight แล้ว คุณสมบัติด้านอื่นๆ ก็ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกซื้อจึงควรดูที่การใช้งานกล้องเป็นหลัก หากต้องการเน้นหนักไปที่การถ่ายภาพ iPhone 7 Plus จะตอบโจทย์ได้มากกว่า แต่หากต้องการเพียงใช้งานทั่วไป iPhone 7 ก็นับว่าตอบสนองความต้องการได้รอบด้านแล้วครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[รีวิว] Xiaomi Mi Mix ที่สุดของเรือธงหน้าจอไร้ขอบ

[รีวิว] Dengo ไมโครโฟนคาราโอเกะไร้สาย พร้อมลำโพงในตัว