Applicatoin มือถือ TODAY
Tips Pokemon
เชื่อว่าเทรนเนอร์ Pokemon Go ทั้งหลาย เมื่อสะสมโปเกมอนได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็คงจะหันมาสนใจเรื่องการpower up และการ evolve เพื่อปั้นโปเกมอนสำหรับการต่อสู้ชิงยิมกันแน่นอน หากรักจะก้าวมาเป็นสายแบทเทิ่ลเต็มตัวแล้ว การ power up และ evolve จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะตัดสินใจแบบไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้ เพราะโปเกมอนแต่ละตัวนั้นมีความซับซ้อนมากกว่าที่เราคิดมาก การตัดสินใจผิดพลาดจะทำให้เราเปลือง stardust และ candy โดยใช่เหตุ และอาจได้โปเกมอนที่ไม่เหมาะกับการต่อสู้มา ในวันนี้ เราจึงได้รวมเทคนิคช่วยในการตัดสินใจ power up และ evolve อย่างคุ้มค่า ประหยัดทั้ง stardust และ candy ได้ตัวเทพแน่นอนไม่ต้องเสียแรงปั้นใหม่มาฝากกันครับ
เราจะ Power Up และ Evolve โปเกมอนได้อย่างไร?


การ Power Up คือการเพิ่มค่า CP และเพิ่มค่า stats โดยรวมของโปเกมอนให้สูงขึ้น ส่วนการ Evolve คือการวิวัฒนาการให้เป็นร่างถัดไปที่แข็งแกร่งกว่าเดิม โดยโปเกมอนแต่ละชนิดก็มีทั้งที่วิวัฒนาการได้และไม่ได้
การ power up แต่ละครั้ง จะใช้ stardust และ candy จำนวนหนึ่ง ยิ่งโปเกมอนเรามี CP สูง ก็จะยิ่งใช้ทรัพยากรในการอัพมากขึ้น เราสามารถหา stardust ได้จากการจับโปเกมอน, การส่งโปเกมอนเฝ้ายิม และการเลเวลอัพ สำหรับ candy จะแตกต่างกันไปตามชนิดของโปเกมอน เช่น Pikachu Candy หรือ Charmander Candy เป็นต้น หาได้จากการ Transfer โปเกมอน, การจับโปเกมอน และการฟักไข่
พูดง่ายๆ ก็คือ หากเราต้องการปั้นโปเกมอนขึ้นมาสักตัวหนึ่ง เราต้องจับโปเกมอนชนิดเดียวกันจำนวนมากเพื่อสะสม candy และ stardust เพื่อใช้ในการ power up และ evolve นั่นเอง

ข้อควรรู้ก่อนการ Power Up
- การ power up จะเพิ่ม CP ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกความแข็งแกร่งของโปเกมอนตัวนั้นๆ ยิ่งมี CP มากก็ยิ่งเก่งมาก แต่ไม่ได้หมายความว่ามี CP สูงอย่างเดียวแล้วจะเก่ง ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย
- โปเกมอนที่สมควร power up คือโปเกมอนที่มีอัตราการเติบโตของ CP สูง ซึ่งดูได้จากค่า IV ดูรายละเอียดเรื่อง IV ที่นี่
- เกจสีขาวบนโปเกมอนเป็นตัวบ่งบอกว่า โปเกมอนเราได้ power up มาใกล้จุดสูงสุดแค่ไหนแล้ว การ power up แต่ละครั้งจะเพิ่มขีดสีขาวขึ้น และเมื่อเพิ่มจนสุดจะไม่สามารถ power up ได้อีก จนกว่าเทรนเนอร์จะมีเลเวลสูงขึ้น หรือโปเกมอนมีการพัฒนาร่าง
- เนื่องจากการ power up จะใช้ stardust และ candy จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การลงทุน power up กับโปเกมอนที่มี CP ต่ำจึงเป็นการสิ้นเปลืองมาก และไม่คุ้มค่าในระยะยาว
ควรหลีกเลี่ยงการ Power Up โปเกมอนเมื่อ
- โปเกมอนนั้นมี IV ต่ำ
- โปเกมอนนั้นยังไม่พัฒนาร่างถึงขั้นสุดท้าย เพราะการพัฒนาร่างจะสุ่มท่าโจมตีของโปเกมอนใหม่ทั้งหมด และอาจได้ท่าที่แย่กว่าเดิม
- โปเกมอนนั้นมี CP ต่ำมาก แม้จะมี IV สูง เพราะการ Power Up จะสิ้นเปลือง stardust มากขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเลเวลสูงขึ้นเรามีโอกาสที่จะเจอโปเกมอนที่แข็งแกร่งพอๆ กันซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้โดยไม่ต้องเปลือง stardust หรือ candy

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการ Evolve (วิวัฒนาการ) โปเกมอน
- จุดประสงค์ของการ Evolve หรือการวิวัฒนาการมี 3 อย่างคือ เก็บ EXP เพื่อเลเวลอัพอย่างรวดเร็ว, เพิ่มโปเกมอนชนิดใหม่ลงใน Pokedex และ เพื่อทำให้โปเกมอนแข็งแกร่งเหมาะแก่การต่อสู้ยิ่งขึ้น
- การ Evolve ให้ EXP จำนวนมาก จึงเหมาะกับการเก็บเลเวลแบบเร่งด่วน โดยสามารถใช้ไอเทม Lucky Egg เพื่อช่วยให้เลเวลอัพเร็วขึ้นอีก ดูเทคนิคการอัพเลเวลอย่างรวดเร็ว
- โดยทั่วไปแล้วไม่ควร evolve โปเกมอนใดๆ ในช่วงต้นเกมนอกจากใช้เทคนิคเก็บเลเวลกับ Lucky Egg เพราะเราจะยังไม่เจอโปเกมอนที่เหมาะจะเอาไปสู้ในยิมได้จนกว่าเราจะมีเลเวล 10 -15 แม้เราจะ evolve ในตอนนี้ เมื่อเราเลเวลสูงขึ้นก็จะเจอโปเกมอนที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ดี
- IV ของโปเกมอนจะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อ evolve
- ท่าโจมตีของโปเกมอนจะเปลี่ยนแปลงแบบสุ่มเมื่อ evolve และยังไม่มีวิธีอื่นใดที่จะเปลี่ยนท่าโจมตีได้นอกจากวิธีนี้
- หากเป็นไปได้ควร evolve ให้สุดในคราวเดียว เพราะในระหว่างที่เราหา candy 100 เม็ดมาเพื่อพัฒนาเป็นร่างสุดท้าย เราอาจจะมีเลเวลมากขึ้นจนเจอโปเกมอนที่มี CP มากกว่าเดิมแล้ว และสามารถเอามา power up ต่อได้โดยที่สิ้นเปลืองน้อยกว่า
สำหรับเทรนเนอร์ที่ต้องการต่อสู้ในศึกยิมแบทเทิ่ลอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องคิดให้รอบคอบก่อน evolve ซึ่งหลักการต่อไปนี้จะสามารถช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
ควร Evolve โปเกมอนเมื่อ
- โปเกมอนนั้นมี IV สูง หรือ IV 100%
- โปเกมอนนั้นไม่มี CP ที่ต่ำเกินไป เพราะเมื่อเรายังเป็นเทรนเนอร์เลเวลน้อย เราจะมีโอกาสเจอโปเกมอนตัวเดียวกันที่มี CP เทียบเท่าหรือสูงกว่า เมื่อเรามีเลเวลสูงขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงการ Evolve เมื่อ
- โปเกมอนนั้นมี IV ต่ำ และเราต้องการนำไปใช้ต่อสู้
- พัฒนาร่างจนสุดแล้ว แต่มีท่าโจมตีไม่ดี แม้จะมี IV สูง ควรเลิกปั้นไปเลยเพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนท่าโจมตีจากการ evolve ได้อีกแล้ว จะทำให้สู้ลำบาก
- มีค่า CP ต่ำมาก อาจเป็นเพราะเรายังเป็นเทรนเนอร์เลเวลน้อย แม้จะมี IV สูง เพราะเมื่อเราเลเวลสูงขึ้น เรามีโอกาสที่จะเจอโปเกมอนที่มี IV และ CP สูงกว่า และเปลือง stardust และ candy ในการปั้นน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วการ power up หรือการ evolve ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่นเป็นหลัก หากเป็นเทรนเนอร์สายสะสมก็อาจไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะแค่ evolve เพื่อเก็บโปเกมอนใหม่ๆ เพิ่มเท่านั้น แต่สำหรับสายแบทเทิ่ล สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนเป็นอย่างดีก่อนตัดสินใจครับ
Pokemon Go 8 วิธีฟักไข่
เกม Pokemom Go ดึงดูดผู้เล่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้ออกมาเดินนอกบ้านกันวันละหลายกิโลเมตร นอกจากการหาโปเกมอนและป้าย Pokestop ตามที่ต่างๆ แล้ว การฟักไข่ก็เป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่บังคับให้เหล่าเทรนเนอร์ต้องออกแรงเดิน เพราะไข่โปเกมอนจะฟักก็ต่อเมื่อเราเดินได้ระยะทางตามที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งไข่แต่ละใบก็ต้องการระยะทางในการฟักตั้งแต่ 2 km, 5 km และ 10 km แต่เมื่อต้องเดินทุกวันๆ ก็เริ่มจะรู้สึกเบื่อกันบ้าง ยิ่งไข่ฟักออกมาเป็นหนอนแล้วยิ่งหมดกำลังใจไม่อยากเดินต่อกันเลยทีเดียว และในวันนี้เราก็มี 8 ทางเลือกใหม่ของการฟักไข่แบบไม่ต้องเดินมาฝากกัน นอกจากเดินเฉยๆ แล้วเราจะฟักไข่อย่างไรได้บ้าง เราไปชมกันเลย
1. วางไว้บนรถไฟจำลอง
เทรนเนอร์หลายคนอาจจะเคยชื่นชอบรถไฟของเล่นในสมัยเด็ก และอาจจะยังมีเก็บไว้ในห้องเก็บของ ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้เอามันออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง โดยการใช้มันเป็นเครื่องฟักไข่ให้กับเราซะเลย แต่อย่างไรก็ตามควรระวังเรื่องความเร็วของรถไฟด้วย พยายามเลือกคันที่ช้าๆ เนิบๆ เอาไว้ เพราะถ้าเร็วเกินไปตัวเกมจะไม่นับระยะทางให้นะครับ
2. วางไว้บนหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
เคยนำเสนอไปแล้วครั้งหนึ่งกับวิธีฟักไข่สุดแสนจะขี้เกียจอย่างการเอาไปวางไว้บนหุ่นยนต์ดูดฝั่น แล้วปล่อยให้มันเดินทำความสะอาดไปทั่วบ้าน นอกจากจะเบาแรงฟักไข่แล้ว ยังเบางานบ้านอีกด้วย
3. บินไปกับโดรน
ใครที่ชอบเล่นโดรนต้องไม่พลาดทริคนี้ เพียงแค่เปิดเกมไว้แล้วเอาโทรศัพท์ไปติดไว้กับโดรน จากนั้นบังคับให้บินเอื่อยๆ ไปเรื่อยๆ เรียกว่านอกจากนิ้วมือแล้วเราไม่ต้องขยับอะไรเลย อย่างไรก็ตามแนะนำว่าควรเล่นในที่โล่งที่มีหญ้ารองรับในกรณีที่โดรนตก และควรอยู่ให้ห่างจากแหล่งน้ำเพื่อป้องกันโทรศัพท์ตกน้ำด้วยนะครับ
4. นั่งรถเมล์

หลายๆ คนคงจะนั่งรถเมล์กันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ทราบกันดีว่ามันไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ (หรือไม่ก็เร็วสุดๆ ไปเลย) โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนที่รถไม่สามารถเคลื่อนตัวเกิน 20 km/h ได้ หากใครต้องกลับบ้านด้วยรถเมล์ท่ามกลางการจราจรอันติดหนึบยามเย็นเป็นประจำทุกวัน จงรีบเปิดเกม Pokemon Go ขึ้นมาครับ เพราะด้วยความเร็วระดับนี้เราจะสามารถจับโปเกมอนรายทางได้ และยังได้ระยะทางฟักไข่ด้วย นอกจากนี้ยังหมุนป้าย Pokestop ตามรายทางได้ด้วย
สำหรับใครที่อยากลองทริคนี้แต่ไม่ใช่ขาประจำรถเมล์ (และว่างมากๆ) ก็ลองนั่งดูได้ เลือกไปเส้นที่ติดหนักๆ อย่างสุขุมวิท ลาดพร้าว แจ้งวัฒนะ หรือเปิดกูเกิลแมพดูสภาพการจราจร เส้นไหนแดงไปเส้นนั้นเลยครับ รถติดจะมีประโยชน์ก็วันนี้แหละ
5. ปั่นจักรยานออกกำลังกาย
ในคลิปนี้ออกจะจริงจังไปหน่อย
อีกหนึ่งวิธีฟักไข่ที่ดีต่อสุขภาพ หากเทรนเนอร์ท่านใดสะดวกก็แนะนำว่าให้ใช้วิธีนี้ดีกว่า ใครที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรก็ชวนคนในครอบครัวไปขี่จักรยานวนรอบโครงการกันได้ หรือจะไปปั่นที่สวนสาธารณะก็ตามสะดวก สวนสาธารณะบางแห่งเช่นสวนรถไฟ (สวนวชิรเบญจทัศ) ก็มีบริการให้เช่าจักรยานด้วย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่มีจักรยานส่วนตัวครับ
ช่วงนี้มีเทรนเนอร์ไปขี่จักรยานกันที่สวนรถไฟกันเป็นจำนวนมากเพื่อไปตามหาฮิโตคาเงะ (Charmander) อีกทั้งยังมีครอบครัวที่พาเด็กๆ มาออกกำลังกาย หากใครไปปั่นจักรยานที่นั่นก็ขอให้ปั่นช้าๆ และระมัดระวังคนอื่นๆ ด้วยนะครับ
6. ปั่นเรือเป็ด

อีกทางเลือกหนึ่งในการฟักไข่ของเหล่าเทรนเนอร์ที่ไม่ชอบอะไรจำเจ การปั่นเรือเป็ดนอกจากจะช่วยเราเก็บระยะทางในการฟักไข่ได้แล้ว ยังเหมาะกับการไปเป็นคู่ อาจจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือลูกหลาน เทรนเนอร์ที่สนใจสามารถไปถีบเรือเป็ดฟักไข่กันได้ที่สวนหลวง ร.9 สวนจตุจักร และสวนลุมพินี ราคาค่าเช่าอาจจะแตกต่างกันไปตามสถานที่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็น 40 บาทต่อครึ่งชั่วโมง และมีค่ามัดจำอีกเล็กน้อยครับ
7. นั่งรถไฟในห้าง

ห้างสรรพสินค้าบางแห่งจะมีบริการรถไฟพาชมห้าง ซึ่งดูแล้วน่าจะเหมาะมากกับภารกิจการฟักไข่โปเกมอนของเรา อย่างไรก็ตามหากใครอยากจะลองวิธีนี้จริงๆ ก็แนะนำว่าควรไปกับลูกกับหลานจะดีกว่านะครับ จะได้ไม่โดนคนอื่นมองแปลกๆ เอา
8. นั่งรถสัตว์หยอดเหรียญ
หากใครคิดว่านั่งรถไฟชมห้างมันน่าเบื่อไป การนั่งรถสัตว์หยอดเหรียญแล้วขี่ไปรอบๆ ห้างด้วยตัวเองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง อยากเลี้ยวไปไหนก็ได้ สั่งได้ดั่งใจ สำหรับเทรนเนอร์ที่มาถึงขั้นนี้ได้ต้องใจกล้าและไม่แคร์สื่อจริงๆ ถ้าจะให้ดีควรนั่งไปกับลูกหลานจะดูเหมาะกว่านะครับ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะฟักไข่ด้วยวิธีไหน ก็ควรระมัดระวังไม่ใช้วิธีที่เดือดร้อนกับคนรอบข้างหรือเป็นผลเสียต่อตนเอง รวมไปถึงการใช้โปรแกรมโกงเกมทุกรูปแบบก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพื่อรักษาความสนุกของ Pokemon Go เอาไว้ครับ หวังว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยให้เทรนเนอร์ทุกคนสนุกสนานกับการฟักไข่มากกว่าการใช้วิธีเดิมๆ นะครับ แล้วพบกันที่ Pokestop ครับ
--------------------------

โดยปกติแล้วแอปพลิเคชันบน App Store จะมีทั้งในรูปแบบเสียเงินและไม่เสียเงิน อย่างไรก็ดี บางครั้งทางบริษัทผู้พัฒนาได้ทำการเปิดให้ดาวน์โหลดแอปที่ปกติแล้วต้องเสียเงินก่อนให้ไปใช้อย่างฟรีๆ และวันนี้ทางทีมงาน Techmoblog จึงมาแนะนำ 7 ที่ในตอนนี้แจกให้ดาวโหลดฟรี มูลค่ารวมกว่า 1,000 บาท
MindNode

แอปพลิเคชันที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ Mind Mapping ได้อย่างสวยงาม โดยมาพร้อมกับรูปแบบการใช้งานที่สะอาดตา เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงผู้ใช้งานที่ต้องการนำเสนอไอเดียเป็นอย่างยิ่ง
Blox 3D City Creator
ราคาปกติ $2.99

ข้ามฝั่งมาที่เกมกันบ้าง Blox 3D City เป็นเกมที่ทำให้เราสร้างเมืองได้ตามจินตนาการ อีกทั้งยังมีระบบการเล่นที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งจุดเด่นอยู่สิ่งของต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นยานพหนะ สิ่งปลูกสร้าง สภาพแวดล้อม รวมไปถึงการกำหนดรูปแบบประชาชนในเมืองให้กลายเป็นเมืองในฝันของเราได้
FileOpener
ราคาปกติ $1.99

แอปพลิเคชันสำหรับจัดการไฟล์บนตัวเครื่อง ที่สามารถใช้ได้ทั้งบน iPhone และ iPad พร้อมรองรับการอ่านไฟล์เอกสารอย่าง PDF, DOC, DOCX, XLS, PPT รวมไปถึงความสามารถในการแตกไฟล์ Zip และอ่านไฟล์ที่แนบมากับอีเมลได้ทันที
Coyn
ราคาปกติ $1.99
สำหรับใครที่มองหาแอปพลิเคชันที่ช่วยบันทึกข้อมูลด้านการใช้เงิน ไม่ควรพลาด Cyon เป็นอย่างยิ่ง โดยตัวแอปสามารถจัดหมวดหมู่เพื่อบันทึกข้อมูลรายรับรายจ่ายได้ใช้เงินได้ พร้อมทั้งมีระบบป้องกันข้อมูลผ่านการสแกนลายนิ้วมือด้วย
Zuki's Quest
ราคาปกติ $0.99

เกมแนว Turn-based puzzle ที่ให้เราแก้ปริศนาต่างๆ ภายในเกมด้วยการควบคุมแรงโน้มถ่วง เพื่อพา Zuki ตัวละครของเรารอดพ้นจากดินแดนลึกลับที่ถูกปกคลุมด้วยคำสาปโบราณ ซึ่งมีความท้าทายอยู่ที่ จำนวนการขยับในแต่ละด่านนั้นมีจำกัดซึ่งใครที่ชอบเกมแนวนี้ไม่ควรพลาด
8 Minute Workout
ราคาปกติ $0.99

สำหรับคุณผู้หญิงท่านไหนที่อยากจะเริ่มต้นออกกำลังกาย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร แอปพลิเคชันตัวนี้จะช่วยให้คุณออกกำลังกายด้วยระยะเวลาเพียง 8 นาทีเท่านั้น โดยมาพร้อมรูปและวิดีโอประกอบอธิบายการออกกำลังกายแต่ละท่าให้เสร็จสรรพ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม Apple Watch ได้อีกด้วย
Tank Super Wars
ราคาปกติ $14.99

เกมรถถังยิงกันสุดคลาสสิกที่หลายต่อหลายคนเคยเล่นกันในวัยเด็ก และล่าสุดก็ได้ทำการพัฒนาลงมาสู่เวอร์สมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว โดยเรามีหน้าที่ป้องกันฐาน และทำลายศัตรูฝั่งตรงข้ามที่โจมตีเราได้ทุกเมื่อ พร้อมมีแผนที่ให้เลือกเล่นมากกว่า 250 ด่าน รวมถึงฟีเจอร์ที่ให้เราสามารถออกแบบแผนที่เองได้อีกด้วย
App Camera สุดเจ๋ง!!

ปกติแล้ว แอปพลิเคชัน Camera Plus จะมีราคาอยู่ที่ $2 หรือราวๆ 70 บาท แต่สัปดาห์นี้ แอปฯ ดังกล่าวเป็นFree App of the Week สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ในช่วงเวลาจำกัด โดยแอปฯ Camera Plus จะมีฟีเจอร์เด่นๆ อยู่ 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

ฟีเจอร์แรก มีชื่อว่า AirSnap สามารถควบคุมการถ่ายภาพบน iPhone หรือ iPad จากอุปกรณ์ iOS อื่นๆ ได้ คล้ายกับรีโมตคอนโทรล เพียงแค่เชื่อมต่อ iPhone หรือ iPad เข้ากับอุปกรณ์ iOS อีกเครื่อง

ส่วนอีกฟีเจอร์ก็คือ คุณสมบัติด้านการถ่ายภาพแบบมาโคร เพียงแค่เปิดโหมดการถ่ายภาพแบบ Macro แล้วเลือกจุดโฟกัสด้วย Focus Shift ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนจุดโฟกัสได้ระหว่างที่กำลังถ่ายคลิปวีดีโอ โดยสามารถเลือกบันทึกที่ความละเอียด 480p กับ 720p
สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจบน Camera Plus มีดังนี้
- LUMY ควบคุมแสงในการถ่ายภาพและวีดีโอ
- HDR & PHOTO FILTERS ตกแต่งภาพด้วยฟิลเตอร์ต่างๆ
- PHOTO CAPTIONS เพิ่มตัวอักษรลงไปในภาพ และสามารถปรับขนาดและสีของตัวอักษรได้
- ‘PIX’D ฟีเจอร์ตกแต่งภาพให้แบบอัตโนมัติ แค่กดเพียงครั้งเดียว
- EASY IMAGE EDITING ปรับแต่งสีของภาพ และรายละเอียดต่างๆ ได้
- PRIVATE FOLDER ซ่อนรูปภาพหรือคลิปวีดีโอไว้ในโฟลเดอร์ลับ
---------------------------------------
ที่มา : DigitalTrends
แปลและเรียบเรียง :
รู้หรือ Android Nougat มีเกมเลี้ยงแมวสุด
สุดน่ารักซ่อนอยู
สุดน่ารักซ่อนอยู
Android Nougat มี "เกมเลี้ยงแมว" สุดน่ารักซ่อนอยู่ด้วยนะ
ไม่
การหาความลับที่ซ่อนอยู่ (Easter Egg) ในระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดได้กลายเป็นประเพณีของชาว Android ไปซะแล้ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยังคงสนุกอยู่เสมอ และในเวอร์ชันล่าสุด Android Nougat นี้ก็มีความลับซ่อนเอาไว้เช่นกัน แถมยังเอาใจคนรักแมวอีกด้วย นั่นก็คือ “เกมเลี้ยงแมว” ที่เปิดโอกาสให้เราวางอาหารหรือขนไว้ล่อแมวสีต่างๆให้เข้ามาอยู่ในสมาร์ทโฟนของเรานั่นเอง
เกมเลี้ยงแมวที่ว่านี้ หากใครเคยเล่นเกม Neko Atsume จะเข้าใจการเล่นได้ไม่ยาก เพราะมีวิธีการเล่นที่เหมือนกันมากๆ โดยเกมเลี้ยงแมวนี้ถูกเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ developer preview 5 และมีวิธีการค้นหาที่ซับซ้อนกว่าเดิมพอสมควร โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. Activate เกมเลี้ยงแมวขึ้นมาก่อน

ขั้นแรกให้เราไปที่ Settings > About phone เลื่อนลงมาจนสุดและแตะ Android Version ซ้ำหลายๆ ครั้งจนกว่าจะปรากฏโลโก้ Android N ขนาดใหญ่ ในขั้นตอนนี้หากใครเคยเล่นเกมหุ่นเขียว Flappy Bird ใน Android Lollipop และ Marshmallow จะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
ขั้นต่อไป ให้เรากดโลโก้ตัว N ค้างเอาไว้ จะปรากฏอีโมจิหน้าแมวขึ้นมาด้านล่างจอ หมายความว่าเราได้เปิดใช้งานเกมเลี้ยงแมวนี้แล้ว จนถึงตอนนี้หากเรากดที่โลโก้ N ซ้ำอีก อีโมจิหน้าแมวจะเปลี่ยนเป็นอีโมจิป้ายห้าม ซึ่งหมายถึงการปิดใช้งานเกม
2. ค้นหา "หน้าแมว"

เมื่อได้เปิดใช้งานเกมเลี้ยงแมวแล้ว ให้เลื่อนแถบ notification drawer ลงมาแล้วแตะที่ Edit ในหน้า Edit นี้ให้เราเลื่อนลงไปเรื่อยๆ จะเจอ “หน้าแมว” พร้อมเครื่องหมาย “????” ให้เรากดค้างไว้แล้วลากเข้ามาใน notification drawer ของเรา
3. วางอาหารน่าอร่อย แล้วรอแมวอย่างใจเย็น

กลับไปที่ notification drawer ในตอนนี้เราจะเห็นว่ามีไอคอนจานข้าวว่างเปล่าอยู่ในชื่อ “Empty Dish” เมื่อเราแตะที่จานข้าว เราจะสามารถเลือกอาหารได้ 4 อย่างเพื่อล่อแมวให้มาหาเรา ได้แก่ Bits, Fish, Chicken และ Treat เลือกอะไรก็ได้ จานข้าวที่ว่างเปล่าจะกลายเป็นอาหารที่เราเลือกไว้ ในขั้นนี้เราพร้อมที่จะล่อแมวแล้ว เพียงแค่กดอาหารที่เลือกค้างไว้ หน้าจอจะกลายเป็นสีเทาโล่งๆ ให้เรารออย่างอดทนจนกว่าแมวจะมาหาเรา
4. สะสมแมวให้ครบทุกตัว

เมื่อมีแมวมาหาเราแล้ว เราจะได้รับแจ้งเตือนจาก “Android Neko” ว่า “A cat is here.” เราจะเห็นรูปของแมวตัวนั้นพร้อมกับหมายเลขประจำตัว หากเรากดที่แถบแจ้งเตือนจะสามารถเข้าไปดูแมวของเราได้ ในที่นี้เราสามารถตั้งชื่อใหม่ให้แมวแต่ละตัว share รูปแมว และลบแมวทิ้งได้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เจ้าแมวทั้งหลายมีกี่ชนิดกันแน่
Easter Egg ของ Android ในครั้งนี้นับว่าโดนใจทั้งคนรัก Android และคนรักแมวกันเลยทีเดียว ใครที่ได้ลงทะเบียนนักพัฒนาเอาไว้และมี Android Nougat ติดตั้งอยู่ก็อย่าลืมจับแมวให้ครบทุกแบบกันนะครับ

ข่าวนี้คงโดนใจคนใช้ iPhone 6s ไม่น้อย เมื่อ Facebook Messenger แอปพลิเคชันแชตยอดนิยมได้ปล่อยอัพเดตล่าสุด เวอร์ชัน 79.0 รองรับการใช้งานแบบ 3D Touch ให้ผู้ใช้สามารถดูพรีวิวการสนทนาต่างๆ รวมไปถึงไฟล์ที่ส่งให้กันได้อย่างง่ายดาย
Facebook Messenger เวอร์ชันล่าสุดนี้ ผู้ใช้สามารถใช้ gestures Peek และ Pop เพื่อดูพรีวิวการสนทนาได้โดยการกดลงบนห้องสนทนานั้นๆ และหากต้องการเข้าไปในห้องสนทนา ก็เพียงแค่ย้ำแรงกดให้มากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังสามารถดูพรีวิวไฟล์ต่างๆ ที่ส่งให้กันด้วย gestures เดียวกันนี้ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ สติกเกอร์ ลิงค์ ภาพGIF หรือไฟล์มีเดียประเภทอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การพรีวิวข้อความด้วยวิธีนี้ Facebook Messenger จะนับว่าเราได้อ่านข้อความแล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีการแอบอ่านแล้วไม่ตอบเกิดขึ้น

3D Touch คือเทคโนโลยีที่มีเฉพาะใน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เท่านั้นในขณะนี้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ iPhone สามารถแยกแยะน้ำหนักการกดของนิ้วมือผู้ใช้ได้ ทำให้สามารถสั่งงานแอปพลิเคชันด้วยวิธีใหม่ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น กดเบาๆ ที่ปุ่ม Home เพื่อเรียกเมนูคำสั่งที่ใช้บ่อย หรือกดเบาๆ ที่แอปพลิเคชันกล้องถ่ายรูปแล้วเลือกเข้าสู่โหมดเซลฟีได้เลยโดยไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชันก่อนแล้วเข้าไปเลือก เป็นต้น โดย gestures ใหม่ที่มาพร้อมกับ 3D Touch ก็คือ Peek และ Pop โดย Peek คือการกดเบาๆ เพื่อพรีวิว และ Pop คือการย้ำน้ำหนักการกดเพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ สามารถดูได้ที่นี่
วิธีสั่งสินค้าจาก 7 Line man

นับว่า เป็นแอปพลิเคชันที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว สำหรับ LINE MAN ผู้ช่วยคนเก่ง ด้วยบริการแบบครบวงจรในคลิกเดียว เข้าถึงชีวิตประจำวันของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งบริการหลัก ๆ ของ LINE MAN นั้น มีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ บริการแมสเซ็นเจอร์, สั่งอาหาร และซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ เรียกได้ว่า จะส่ง จะสั่ง หรือจะซื้อ ก็จบลงได้ที่แอปฯ เดียวอย่าง LINE MAN นั่นเอง
โดย LINE MAN สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี ทั้งบน Android กับ iOS มาดูกันดีกว่าว่า LINE MAN ใช้งานอย่างไร และสะดวกมากแค่ไหน
Convenience Goods

เป็นบริการ Convenience Goods หรือสั่งซื้อสินค้าจาก 7-Eleven ด้วยการเลือกสาขา, เลือกสินค้าที่จะต้องการจะซื้อ พร้อมกับระบุจำนวน จากนั้นก็ใส่ข้อมูลการจัดส่ง ส่วนอัตราค่าบริการ มีดังนี้

- ค่าบริการเริ่มต้นที่ 55 บาท ระยะทาง 1 กิโลเมตร คิดเพิ่ม 9 บาท/กม.
- ถ้าหากใช้บริการนอกเวลาทำการ ในช่วง 21.00 - 23.59 น. คิดเพิ่มอีก 50 บาท และตั้งแต่ 0.00 - 6.59 น. คิดเพิ่ม 100 บาท
ถึงแม้ว่า LINE MAN จะมีบริการให้เลือกเพียงแค่ 3 อย่างเท่านั้น แต่ก็ถือว่า เป็นผู้ช่วยทางเลือกในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะท่านที่ไม่มีเวลามากพอ ก็ถือว่า มีประโยชน์มากเลยทีเดียว ลองดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้ ทั้งบน Android และ iOSซึ่งในตอนนี้ เปิดให้บริการเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น
Messenger Service

สำหรับ Messenger Service หรือบริการแมสเซ็นเจอร์นั้น ให้กรอกข้อมูลของผู้ส่งว่า ต้องการให้ LINE MAN ไปรับพัสดุที่ใด ด้วยการระบุพิกัดในแผนที่ พร้อมกับใส่รายละเอียดอื่น ๆ เช่น เลขที่บ้าน, ตรอยซอย, ถนน และอื่น ๆ จากนั้น กรอกข้อมูลของผู้รับว่า ต้องการให้ LINE MAN ไปรับพัสดุที่ใด ซึ่งกรอกข้อมูลเหมือนกับในส่วนของผู้ส่งเช่นกัน

เมื่อกรอกรายละเอียดครบแล้ว LINE MAN จะทำการคำนวณระยะทาง, เวลาในการจัดส่ง และค่าบริการออกมาให้ ซึ่งสามารถเลือกได้ว่า จะให้เก็บเงินที่ต้นทาง หรือปลายทาง โดยมีค่าบริการดังนี้
- ค่าบริการเริ่มต้นที่ 48 บาท ระยะทาง 1-30 กิโลเมตร คิดเพิ่ม 7.2 บาท/กม. ถ้าเกิน 30 กิโลเมตรขึ้นไป คิดเพิ่ม 14 บาท/กม.
- ถ้าหากเลือกแบบไป-กลับ บวกเพิ่มอีก 72 บาท
- ถ้าหากใช้บริการนอกเวลาทำการ ในช่วง 21.00 - 23.59 น. คิดเพิ่มอีก 50 บาท และตั้งแต่ 0.00 - 6.59 น. คิดเพิ่ม 100 บาท
Food Delivery

ถัดมา เป็นบริการ Food Delivery หรือสั่งอาหาร ซึ่งมีฐานข้อมูลจากแอปพลิเคชัน Wongnai โดยจะทำการค้นหาร้านอาหารที่อยู่ใกล้มากที่สุด เมื่อได้เมนูอาหารที่ต้องการแล้ว ให้กดสั่งพร้อมกับใส่ที่อยู่จัดส่งลงไป
โดยในการสั่งแต่ละครั้ง มูลค่ารวมของอาหารที่สั่งจำกัดให้ไม่เกิน 1,000 บาท โดยมีอัตราการบริการจัดส่งดังนี้

- ค่าบริการเริ่มต้นที่ 55 บาท ระยะทาง 1 กิโลเมตร คิดเพิ่ม 9 บาท/กม.
- ถ้าหากใช้บริการนอกเวลาทำการ ในช่วง 21.00 - 23.59 น. คิดเพิ่มอีก 50 บาท และตั้งแต่ 0.00 - 6.59 น. คิดเพิ่ม 100 บาท
สมัคร Apple ID ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตร

สำหรับผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone, iPad หรือ iPod Touch คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า การดาวน์โหลด หรือซื้อแอปพลิเคชัน รวมไปถึงการเข้าใช้งาน iTunes Store กับ iBooks Store นั้น จำเป็นต้องล็อกอินด้วย Apple ID เสมอ โดยวิธีการสมัครนั้น ก็ไม่ได้ยุ่งยาก อีกทั้งไม่จำเป็นต้องผูกกับบัตรเครดิตตั้งแต่เริ่มแรกอีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่า วิธีสมัคร Apple ID แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิตนั้น มีวิธีการสมัครอย่างไร
สำหรับ iPhone, iPad หรือ iPod Touch

เข้าไปที่ App Store, iTunes Store หรือ iBooks Store อย่างใดอย่างหนึ่ง (สมมติว่าเลือก App Store) คลิกเลือกดาวน์โหลดแอปฯ ฟรี มา 1 แอปฯ

คลิก Create New Apple ID

เลือกประเทศ จากนั้นกด Next

คลิก Agree และคลิก Agree อีกรอบ

กรอกข้อมูลตามที่ปรากฏ (กรอกทุกช่อง) ซึ่งช่อง Password นั้น อย่าลืมว่า จะต้องมีตัวอักษรพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ปะปนกันอยู่ ห้ามเว้นช่องว่าง และห้ามใช้ตัวอักษรหรือตัวเลขเดียวกันซ้ำกัน 3 ครั้ง

ตรงส่วน Billing Information ให้เลือกเป็น None จากนั้นให้กรอกข้อมูลในส่วนอื่นๆ ให้ครบถ้วน เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว จะมีอีเมลยืนยัน ให้ทำการ verify ผ่านทางอีเมล เพียงแค่นี้ ก็สามารถสมัคร Apple ID แบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิตได้แล้ว
สำหรับ Mac หรือ PC

เปิดโปรแกรม iTunes และคลิกที่ iTunes Store

เข้าไปที่ App Store แล้วเลือกดาวน์โหลดฟรีแอปฯ ซึ่งไอเท็มที่ให้ดาวน์โหลดฟรี จะขึ้นคำว่า Get

จากนั้น จะมีหน้าต่างขึ้นให้ทำการล็อกอิน ให้คลิกที่ Create Apple ID

เช่นเดียวกับการสมัครบน iPhone ให้กรอกข้อมูลให้ครบ และในส่วนของ Payment Type ให้เลือก None เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ให้ทำการ verify ผ่านทางอีเมลเป็นอันเสร็จสิ้นการสมัคร Apple ID ครับ